องค์กรอนามัยโลก (WHO)  ตั้งค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง PM 2.5 ในอากาศ ว่าหากมีเกินกว่า 25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ขณะที่ประเทศไทยกำหนดอันตรายของฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่  50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

เป็นเรื่องปกติที่เมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ และเมืองหลวงของอีกหลายประเทศทั่วโลกต้องเผชิญปัญหามลพิษจากฝุ่นละอองในอากาศอยู่เสมอ ด้วยประชากรหนาแน่น ความคับคั่งของการจราจร รวมถึงเขม่าควัน และฝุ่นผงจากการก่อสร้าง ส่วนในต่างจังหวัดก็มักจะเกิดจากการเผาป่า หรือเผาซากที่เหลือหลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรเช่น ข้าว ข้าวโพด อ้อย เพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกต่อไป

โดยมากฝุ่นจิ๋วนี้มักจะเกิดในช่วงฤดูหนาวที่อากาศนิ่งและแห้ง ส่งผลให้ฝุ่นไม่ลอยขึ้นที่สูง  อีกทั้งปัจจุบันกรุงเทพฯ  กำลังประสบปัญหาลมพัดผ่านได้ยาก อากาศหยุดนิ่ง เนื่องจากมีตึกสูงปิดกั้นทางลม รวมถึงฝุ่นจากการก่อสร้างที่มีอยู่แทบทุกพื้นที่ มาเป็นปัจจัยเกื้อหนุนทำให้คุณภาพอากาศเลวร้ายลง

ภัยร้ายแรงของฝุ่นจิ๋ว ด้วยขนาดที่เล็กมาก ทำให้ฝุ่นละอองพิษ PM2.5 สามารถถูกสูดเข้าลึกถึงทางเดินหายใจและปอด  บางอนุภาคยังอาจเข้าสู่กระแสเลือดไหลเวียนไปทั่วร่างกาย ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมาย   PM2.5 สามารถเข้าสู่ร่างการโดยทางการหายใจและการผ่านทางผิวหนังโดยตรง

    • ภัยร้ายต่อทางเดินหายใจและปอด 
      ฝุ่นจิ๋วสามารถผ่านเข้าสู่ทางเดินหายใจได้ง่ายและรวดเร็ว ส่งผลให้ผู้ป่วยโรคหอบหืดกำเริบ หรือเป็นสาเหตุให้คนปกติเป็นหอบหืดได้เช่นกัน และการสะสมจากการสูดดมเข้าไปเป็นเวลานาน อาจเป็นปัจจัยให้เกิดมะเร็งปอดได้ในที่สุด 

    • ภัยร้ายต่อหัวใจ
      การสูดหายใจเอาฝุ่นละอองพิษเล็กจิ๋วติดต่อกันระยะหนึ่ง ส่งผลให้เกิดการตะกอนภายในหลอดเลือด จนทำให้เกิดหัวใจวาย หรือหลอดเลือดสมองตีบได้ และยังมีผลต่อเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้เต้นผิดจังหวะ และอาจรุนแรงจนส่งผลให้หัวใจวายเฉียบพลัน 

    • ภัยร้ายต่อสมอง
      เมื่อฝุ่นผงขนาดเล็กสามารถผ่านเข้าสู่กระแสเลือดและเกิดการสะสมขึ้น  ส่งผลให้ความดันโลหิตสูง และเลือดมีความหนืด ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดลิ่มเลือดในสมอง รวมถึงหลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว  ทำให้เส้นเลือดในสมองตีบ หรือแตก เป็นสาเหตุของโรคอัมพฤกษ์อัมพาตและเสียชีวิตได้

    • ภัยต่อผิวหนัง ทําให้เกิด กระบวนการอักเสบและเกิดสารอนุมูลอิสระ ส่งผลให้เซลล์ในร่างกายและผิวหนังถูกทําลาย

การป้องกันพิษฝุ่นจิ๋วด้วยตัวเองด้วยหน้ากาก โดยการป้องกันตัวเองจากการสูดฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 ด้วยมาสก์ปิดจมูกที่สามารถกรองอนุภาคฝุ่นละอองพิษได้สูง เช่น หน้ากาก N95 กรองได้อย่างน้อย 

อาจเป็นรูปภาพของ ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม และ ข้อความ

DP water ช่วยได้อย่างไร

DP water มีองค์ประกอบเป็น Special reducing Ionized water  ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตเครื่องสำอางที่ใช้สำหรับในเชิงการแพทย์ ที่ใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับการวิจัยด้านเภสัชกรรมในต่างประเทศ และรวมถึงที่สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งได้รับชื่อเสียงไปทั่วโลกในฐานะแหล่งผลิตวัตถุดิบในทางเภสัชกรรมที่มีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ เป็นผลงานที่เกิดจากการวิจัยทางเภสัชกรรมระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่น 13 สิทธิบัตรงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของญี่ปุ่น DP water  กับ   ภาวะผิวหนังไหม้ /  โรคภูมิแพ้ผิวหนังที่รุนแรง / การฉีกขาด /  เร่งกลไกการซ่อมแซมสมานผิว ผิวหนังมีการฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

ซึ่งมีประสิทธิภาพในด้านต่างๆมากมาย อันได้แก่

    1. W o r l d’ s  F I R S T   SELF CERAMIDES PRODUCTION ที่สามารถกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังสร้าง Ceramides ขึ้นมาได้ : ” DP water ” กระตุ้นการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์ Ceramides และการสังเคราะห์ Ceramides ในเซลล์ Keratinocytes หรือเซลล์ผิวหนังชั้นหนังกำพร้าด้านบนสุดของมนุษย์
    2. Antiseptic จากการที่มี pH 12 ±0.5  ดังนั้นจึงแทบไม่มีความจำเป็นเลยในการที่จะใช้สารกันบูด หรือสารฆ่าเชื้อ แม้กระทั่ง COVID-19
    3. Cleansing Effect : หลักการทำงานของประจุเพื่อใช้ในการขจัดความสกปรกทุกชนิดบนพื้นผิวสัมผัส รวมถึงฝุ่นจิ๋วด้วย
    4. pHTest : เมื่อสัมผัสผิวหนังจะเปลี่ยนเป็นกรดอ่อนๆ ทันทีที่สัมผัสผิวหนัง ค่า pH จะเปลี่ยนจาก 12 เป็น 5.6 เนื่องจากประจุลบจะทำปฏิกิริยากับของเหลวในร่างกาย เช่น เหงื่อจากร่างกายมนุษย์
    5. สามารถใช้เป็นระบบการพาสารต่างๆ เข้าสู่ผิวได้ลึกขึ้น ซึ่งทำหน้าที่ลำเลียงสารออกฤทธิ์ไปต้องการให้แทรกซึมเข้าสู่ชั้นผิวหนังได้ดีขึ้น ดังนั้นจึงสามารถใช้เป็นตัวเตรียมผิวก่อนที่จะทาครีมบำรุงตัวอื่น
    6. Moisturizing Effect แรงตึงผิวของน้ำทั่วไปคือ 72mN/m(25°C) แต่ DP water มีแรงตึงผิว 56mN/m(25°C) จึงทำให้เกิดการซึมเข้าไปในผิวได้ลึกขึ้นให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวได้ลึกขึ้น
    7. Whitening : เมื่อของเหลวในร่างกายถูกทำให้เป็นกลางด้วยวิธีนี้ กรดแอสคอร์บิก (วิตามินซี) ในร่างกายจะถูกดึงดูดเข้าสู่ปฏิกิริยาการทำให้เป็นกลางและถูกส่งไปยังผิวหนัง วิตามินซีเป็นที่รู้จักกันว่ามีผลไวท์เทนนิ่ง และ DP water สามารถสลายเม็ดสีเมลานินได้
    8. สำหรับจุดซ่อนเร้น DP Water สามารถใช้ได้ทั้งร่างกายหลังอาบน้ำนอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับบริเวณที่กังวลเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ยังมีประสิทธิภาพในการทำให้บริเวณจุดซ่อนเร้นขาวขึ้นอีกด้วย

Ceramides (เซราไมด์) คืออะไร

เซราไมด์เป็นองค์ประกอบร้อยละ 50% ของปราการผิว ซึ่งเซราไมด์คือองค์กอบที่เป็นไขมันที่ผิวหนัง ที่พบได้ในผิวตามธรรมชาติ และมีความจำเป็นต่อการเสริมสร้างปราการผิวและรักษาความชุ่มชื้นของผิว เนื่องจากจะเป็นตัวเชื่อมระหว่างเซลล์ผิวหนังชั้นบนให้ติดกันเพื่อเป็นเกราะกำบังผิวจากสิ่งแวดล้อมภายนอกเช่น มลพิษ และสารเคมี หากปราศจากเซราไมด์ เกราะในการป้องกันผิวก็จะเสียไป ทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคืองได้ง่าย จะมีอาการแห้ง คัน หรือผื่นผิวอักเสบ

เนื่องจาก DP water เป็น W o r l d’ s  F I R S T    P R O D U C T ที่สามารถกระตุ้นให้เซลล์ผิวหนังสร้าง Ceramides ขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงสามารถทำหน้าที่สร้างเกราะในการป้องกันร่างกายในบริเวณที่พ่น DP water ลงไป จึงสามารถเพิ่มการสร้าง ceramides ที่ผิว และป้องกันการซึมผ่านของฝุ่นจิ๋ว หรือ PM2.5 ผ่านผิวหนังเข้าสู่เส้นเลือดได้  ถึงอาจจะไม่ได้ถึง 100% เพราะฝุ่นจิ๋วอาจผ่านเข้าไปจากการหายใจได้ด้วย แต่อย่างน้อยก็ลดปริมาณของฝุ่นจิ๋วๆที่จะผ่านผิวเข้าไปทำร้ายเราได้   

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *